ทะเบียนกฎหมายและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมของโรงพยาบาลวิภาราม
ขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ลำดับ
|
ชื่อกฎหมาย
|
สาระสำคัญของกฎหมาย
|
---|---|---|
1
|
หมวด ๕ เหตุรำคาญ มาตรา ๒๕ ในกรณีที่มีเหตุอันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้นดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นเหตุรำคาญ (๑) แหล่งน้ำทางระบายน้ำ ที่อาบน้ำ ส้วม หรือที่ใส่มูลหรือเถ้า หรือสถานที่อื่นใด ซึ่งอยู่ใน ทำเลไม่เหมาะสม สกปรก มีการสะสมหรือหมักหมมสิ่งของมีการเททิ้งสิ่งใดเป็นเหตุให้มีกลิ่นเหม็นหรือละออง เป็นพิษ หรือเป็นหรือน่าจะเป็นที่เพาะพันธุ์พาหะนำโรค หรือก่อให้เกิดความเสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (๒) การเลี้ยงสัตว์ในที่หรือโดยวิธีใด หรือมีจำนวนเกินสมควรจนเป็นเหตุให้เสื่อม หรืออาจเป็น อันตรายต่อสุขภาพ (๓) อาคารอันเป็นที่อยู่ของคนหรือสัตว์ โรงงานหรือสถานที่ประกอบการใดไม่มีการระบาย อากาศ การระบายน้ำ การกำจัดสิ่งปฏิกูล หรือการควบคุมสารเป็นพิษหรือมีแต่ไม่มีการควบคุมให้ปราศจาก กลิ่นเหม็นหรือละอองสารเป็นพิษอย่างพอเพียงจนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (๔) การกระทำใด ๆอันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสีเสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (๕) เหตุอื่นใดที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
|
|
2
|
หมวด ๓ การจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย มาตรา ๑๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๗๓/๑ และมาตรา ๗๓/๒ แห่งพระราชบัญญัติ การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ “มาตรา ๗๓/๑ ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนดของท้องถิ่นซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๐ (๑) (๒) (๓) หรือ (๖) ในกรณีเกี่ยวกับมูลฝอยติดเชื้อ หรือมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท มาตรา ๗๓/๒ ผู้รับอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนดของท้องถิ่นซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๐ (๕) ในกรณีเกี่ยวกับมูลฝอยติดเชื้อ หรือมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชนต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”
|
|
๓
|
ข้อ ๕ ห้ามมิให้ผู้ใดถ่าย เท ทิ้ง หรือทำให้มีขึ้นซึ่งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในที่หรือทางสาธารณะ นอกจากที่ที่กรุงเทพมหานครจัดไว้ให้ ข้อ ๖ เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสถานที่ใดๆ ต้องจัดให้มีที่รองรับสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย ภายในอาคารหรือสถานที่นั้น อย่างเพียงพอและถูกสุขลักษณะ ข้อ ๘ ห้ามมิให้ผู้ใดขน นำพา หรือเคลื่อนย้ายสิ่งปฏิกูลไปในที่ สาธารณะเว้นแต่จะได้ใส่ในภาชนะหรือที่เก็บมิดชิดไม่ให้มี สิ่งปฏิกูลหรือกลิ่นรั่วซึมออกมาภายนอกและต้องได้รับอนุญาต เป็นหนังสือจากพนักงานท้องถิ่น ข้อ ๙ ห้ามมิให้ผู้ใด ถ่าย เท ทิ้งสิ่งปฏิกูลในที่รองรับมูลฝอย ข้อ ๑๑ ห้ามมิให้ผู้ใดคุ้ยเขี่ย ขุด ขน มูลฝอย ในที่รองรับ มูลฝอย รถหรือเรือเก็บ ขน มูลฝอยหรือสถานที่เทมูลฝอยใดๆ เว้นแต่เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครที่มีหน้าที่ หรือผู้ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่พนักงานท้องถิ่น ข้อ ๑๒ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเรียกเก็บค่าธรรมเนียม การเก็บขนสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามที่กรุงเทพมหานคร กำหนด ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยค่าธรรมเนียม การเก็บและขนสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย ตามกฎหมายว่าด้วย การสาธารณสุข
|
|
๔
|
หมวด ๓ การจัดการมูลฝอยของสถานบริการการสาธารณสุข ข้อ ๑๓ กรณีมูลฝอยติดเชื้อ ผู้ประกอบการต้องแยกมูลฝอยติดเชื้อออกจากมูลฝอยประเภทอื่น ณ แหล่งกำเนิดของมูลฝอยติดเชื้อนั้น โดยผู้ประกอบการต้องจัดภาชนะรองรับ มูลฝอยติดเชื้อแยกต่างหากจากภาชนะรองรับมูลฝอยประเภทอื่น ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบการต้องใส่มูลฝอยติดเชื้อในภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อและ ภาชนะรองรับมูลฝอยติดเชื้อที่มีลักษณะ ดังนี้ (๑) ภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อ ก. กรณีมูลฝอยติดเชื้อประเภทวัสดุของมีคม ภาชนะสำหรับบรรจุ มูลฝอยติดเชื้อประเภทวัสดุของมีคม ที่เป็นกล่องหรือถังต้องทำด้วยวัสดุแข็งแรงทนทานต่อการแทงทะลุ และการกัดกร่อนของสารเคมี เช่น พลาสติกแข็ง หรือโลหะมีฝาปิดมิดชิดและป้องกันการ รั่วไหลของของเหลวภายในได้ และสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก โดยผู้ขนย้ายไม่มีการสัมผัสกับมูลฝอยติดเชื้อ ทั้งนี้ ต้องบรรจุ มูลฝอยติดเชื้อไม่เกินสามในสี่ส่วนของความจุของภาชนะสำหรับบรรจุมูลฝอยติดเชื้อแล้วปิดฝาให้แน่น ข. กรณีมูลฝอยติดเชื้ออื่น ซึ่งมิใช่ประเภทวัสดุของมีคม ภาชนะสำหรับบรรจุมูลฝอยติดเชื้อที่เป็นถุงต้องทำจากพลาสติก หรือวัสดุอื่นที่มีความเหนียว ไม่ฉีกขาด ง่าย ทนทานต่อสารเคมี และการรับน้ำหนัก กันน้ำได้ ไม่รั่วซึมและไม่ดูดซึมโดยผู้ขนย้ายจะไม่สัมผัส กับมูลฝอยติดเชื้อ ทั้งนี้ ต้องบรรจุมูลฝอยติดเชื้อไม่เกินสองในสามส่วนของความจุของภาชนะ สำหรับบรรจุมูลฝอยติดเชื้อแล้วผูกมัดปากถุงด้วยเชือกหรือวัสดุอื่นให้แน่น ภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อตาม ข. ต้องมีสีแดงทึบแสงและมีข้อความสีดำที่มี ขนาดสามารถอ่านได้ชัดเจนว่า "มูลฝอยติดเชื้อ" อยู่ภายใต้รูปหัวกระโหลกไขว้คู่กับตราหรือ สัญลักษณ์ที่ใช้ระหว่างประเทศตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา และต้องมีข้อความว่า "ห้ามนำกลับมาใช้อีก" และ "ห้ามเปิด" โดยให้ระบุชื่อสถานบริการ การสาธารณสุขหรือห้องปฏิบัติการเชื้ออันตรายและวันที่ที่เกิดมูลฝอยติดเชื้อดังกล่าวไว้ที่ภาชนะ บรรจุมูลฝอยติดเชื้อด้วย ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องควบคุมดูแลให้ใช้ภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อเพียงครั้งเดียว และต้องทำลายพร้อมกับการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อนั้น (๒) ภาชนะรองรับมูลฝอยติดเชื้อ ต้องมีลักษณะ ดังนี้ ก. ทำด้วยวัสดุแข็งแรง ทนทานต่อการแทงทะลุของวัสดุมีคมและ ทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมี สามารถป้องกันการรั่วซึมของของเหลวทั้งจากภายในและ ภายนอก ข. มีรูปทรงที่ทำความสะอาดง่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้โดย สะดวกโดยผู้ขนย้ายจะไม่มีการสัมผัสมูลฝอยติดเชื้อที่อยู่ภายใน ค. มีฝาปิดมิดชิด สามารถป้องกันมูลฝอยภายในไม่ให้ร่วงหล่นออก มาภายนอกได้โดยง่ายและป้องกันสัตว์ไม่ให้มาคุ้ยเขี่ย ง. มีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายหรือข้อความที่แสดงชัดเจนว่าเป็น ภาชนะรองรับมูลฝอยติดเชื้อ ข้อ ๑๕ ภายใต้บังคับข้อ ๑๖ ในการเก็บมูลฝอยติดเชื้อ จะต้องจัดให้มีที่พักรวม มูลฝอยติดเชื้อที่เป็นห้องหรืออาคารเฉพาะ แยกจากอาคารอื่น สำหรับใช้เก็บภาชนะบรรจุมูลฝอย ติดเชื้อเพื่อรอการขนไปกำจัดโดยมีลักษณะดังต่อไปนี้ (๑) มีลักษณะไม่แพร่เชื้อ และอยู่ในที่ที่สะดวกต่อการขนมูลฝอยติดเชื้อ ไปกำจัด (๒) มีขนาดเพียงพอที่จะเก็บภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อได้อย่างน้อย สองวัน (๓) พื้นผนังต้องเรียบ ทำความสะอาดได้ง่าย และต้องทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคในที่พักรวมมูลฝอย ติดเชื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง (๔) มีรางหรือท่อระบายน้ำทิ้งเชื่อมต่อกับระบบบำบัดน้ำเสีย (๕) มีลักษณะโปร่ง ไม่อับชื้น เว้นแต่กรณีที่เก็บภาชนะบรรจุมูลฝอยติด เชื้อไว้เกินเจ็ดวัน ที่พักรวมมูลฝอยติดเชื้อตามวรรคหนึ่ง ต้องสามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ ๑๐ องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่านั้นได้ (๖) มีการป้องกันแมลงและสัตว์เข้าไป มีประตูกว้างพอสมควรตาม ขนาดของห้องหรืออาคารเพื่อสะดวกต่อการปฏิบัติงาน และปิดด้วยกุญแจหรือปิดด้วยวิธีอื่นใดที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ (๗) มีข้อความเป็นคำเตือนที่มีขนาดสามารถเห็นได้ชัดเจนว่า "ที่พักรวม มูลฝอยติดเชื้อ" ไว้ที่หน้าห้องหรือหน้าอาคาร (๘) มีลานสำหรับล้างรถเข็นอยู่ใกล้ที่พักรวมมูลฝอยติดเชื้อ และลานนั้น ต้องมีรางหรือท่อรวบรวมน้ำเสียจากการล้างรถเข็นเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย
|
|
๕
|
หมวด ๒ การเก็บมูลฝอยติดเชื้อ ข้อ ๑๗ การเคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อไปเก็บกักในที่พักรวมมูลฝอยติด เชื้อเพื่อรอการขนไปกำจัดตามข้อ ๑๖ ต้องดำเนินการให้ถูกสุขลักษณะ ดังนี้ (๑) ต้องมีผู้ปฏิบัติงานซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับมูลฝอยติดเชื้อ โดยบุคคลดังกล่าวต้องผ่าน การฝึกอบรมการป้องกันและระงับการแพร่เชื้อหรืออันตรายที่อาจเกิดจากมูลฝอยติดเชื้อตามหลักสูตร และระยะเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา (๒) ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ได้แก่ ถุงมือยางหนา ผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปาก ปิดจมูก และรองเท้าพื้นยางหุ้มแข้ง ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน และถ้าในการปฏิบัติงาน ร่างกายหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปสัมผัสกับมูลฝอยติดเชื้อให้ผู้ปฏิบัติงานต้องทำความสะอาด ร่างกายหรือส่วนที่อาจสัมผัสมูลฝอยติดเชื้อโดยทันที (๓) ต้องกระทำทุกวันตามตารางเวลาที่กำหนด เว้นแต่มีเหตุจำเป็น (๔) ต้องเคลื่อนย้ายโดยใช้รถเข็นสำหรับเคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อที่มี ลักษณะตามที่กำหนดในข้อ ๑๘ เว้นแต่มูลฝอยติดเชื้อที่เกิดขึ้นมีปริมาณน้อยที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถเข็น จะเคลื่อนย้ายโดยผู้ปฏิบัติงานซึ่งมีคุณสมบัติตาม (๑) ก็ได้ (๕) ต้องมีเส้นทางเคลื่อนย้ายที่แน่นอน และในระหว่างการเคลื่อนย้ายไปที่พักรวม มูลฝอยติดเชื้อ ห้ามแวะหรือหยุดพัก ณ ที่ใด (๖) ต้องกระทำโดยระมัดระวัง ห้ามโยน หรือลากภาชนะสำหรับบรรจุมูลฝอยติดเชื้อ (๗) กรณีที่มีมูลฝอยติดเชื้อตกหล่นหรือภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อแตกระหว่างทาง ห้ามหยิบด้วยมือเปล่า ต้องใช้คีมคีบหรือหยิบด้วยถุงมือยางหนา หากเป็นของเหลวให้ซับด้วยกระดาษ แล้วเก็บมูลฝอยติดเชื้อหรือกระดาษนั้นในภาชนะสำหรับบรรจุมูลฝอยติดเชื้อใบใหม่แล้วทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่บริเวณพื้นนั้นก่อนเช็ดถูตามปกติ (๘) ต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อรถเข็นและอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานอย่างน้อย วันละครั้งและห้ามนำรถเข็นมูลฝอยติดเชื้อไปใช้ในกิจการอย่างอื่น
|
|
๖
|
ข้อ ๑ ตราหรือสัญลักษณ์ที่ใช้ระหว่างประเทศ ที่ต้องพิมพ์ลงบนภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อ ให้มีลักษณะ เป็นรูปวงเดือน ๓ วงสีดำซ้อนทับบนวงกลมสีดำ โดยสัญลักษณ์ต้องมีรัศมีไม่น้อยกว่า ๑ นิ้ว
|
|
๗
|
อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ ต้องจัดให้มีที่พักรวม มูลฝอยที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ - ต้องมีขนาดความจุไม่น้อยกว่า ๓ เท่าของปริมาณมูลฝอย ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน - ผนังต้องทำด้วยวัสดุถาวรและทนไฟ - พื้นผิวภายในต้องเรียบและกันน้ำซึม - ต้องมการป้องกันกลิ่นและน้ำฝน - ต้องมีการระบายน้ำเสียงจากมูลฝอยเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย - ต้องมีการระบายอากาศและป้องกันน้ำซึม
|
|
๘
|
หมวดที่ ๑: บททั่วไป ข้อ ๔: กำหนดหน้าที่ผู้เสียค่าธรรมเนียม โดยระบุว่าผู้ประกอบกิจการหรือเจ้าของอาคารต้องชำระค่าธรรมเนียมการเก็บและขนสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย ตามอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายข้อบัญญัติ หมวดที่ ๒: อัตราค่าธรรมเนียม ข้อ ๕: ค่าเก็บและขนสิ่งปฏิกูล หมวดย่อย ๕.๑: ค่าเก็บและขนสิ่งปฏิกูลจากส้วมตามบ้านเรือน, อาคาร, สำนักงาน ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าธรรมเนียมเป็นลูกบาศก์เมตร ข้อ ๖: ค่าเก็บและขนมูลฝอย หมวดย่อย ๖.๑: ค่าเก็บและขนมูลฝอยทั่วไป ข้อ ๖.๑.๑: กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับ ครัวเรือนทั่วไป ที่มีปริมาณขยะไม่เกิน ๒๐ ลิตรต่อวัน อัตราเดิมอยู่ที่ ๒๐ บาท/เดือน ข้อ ๖.๑.๒: กำหนดอัตราสำหรับปริมาณที่มากกว่า ๒๐ ลิตรต่อวัน โดยคิดเพิ่มเป็นหน่วยตามปริมาตร หมวดย่อย ๖.๒: ค่าเก็บและขนมูลฝอยติดเชื้อ ข้อ ๖.๒.๑: กำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับ มูลฝอยติดเชื้อ (เช่น จากสถานพยาบาล) โดยคิดตามน้ำหนักหรือปริมาตรที่กำหนดไว้เฉพาะทาง หมวดที่ ๓: การยกเว้นค่าธรรมเนียม ข้อ ๗: การยกเว้นค่าธรรมเนียม ข้อบัญญัติฉบับนี้กำหนดให้มูลฝอยที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร นำไปกำจัดด้วยวิธีอื่นที่ถูกสุขลักษณะ และไม่เป็นที่เดือดร้อนแก่สาธารณะ สามารถได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมได้ เช่น กรณีที่มีการนำไปรีไซเคิลหรือกำจัดเองอย่างถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล หมายเหตุ : ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องค่าธรรมเนียมการเก็บและขนสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้มีการแก้ไขและจะถูกแทนที่ด้วยข้อบัญญัติใหม่ที่กำลังจะเริ่มใช้ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๘ สำหรับครัวเรือนทั่วไป (ปริมาณขยะไม่เกิน ๒๐ ลิตร/วัน): • หากมีการคัดแยกขยะ: ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ ๒๐ บาท/เดือน • หากไม่มีการคัดแยกขยะ: ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มเป็น ๖๐ บาท/เดือน สำหรับผู้ที่สร้างขยะปริมาณมาก (เกิน ๑ ลูกบาศก์เมตร/วัน): • ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ ๘,๐๐๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร
|
|
๙
|
ข้อ ๒: อัตราค่าธรรมเนียมการเก็บและขนสิ่งปฏิกูล (จากส้วม) กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไม่เกิน ๕๐๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร ในกรณีที่มีเหตุอันควร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถกำหนดอัตราที่สูงกว่านี้ได้ แต่ต้องไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร ข้อ ๓: อัตราค่าธรรมเนียมการเก็บและขนมูลฝอย กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไม่เกิน ๑๕๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร สำหรับบ้านเรือนและอาคาร ที่มีปริมาณมูลฝอยเฉลี่ยไม่เกิน ๑๐๐ ลิตรต่อวัน อัตราค่าธรรมเนียมไม่เกิน ๖๐ บาทต่อเดือน ข้อ ๔: อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย (สำหรับกรณีที่ประชาชนนำสิ่งปฏิกูลมาส่งเองที่สถานที่กำจัดของท้องถิ่น) • การกำจัดสิ่งปฏิกูล: กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไม่เกิน ๑๐๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร • การกำจัดมูลฝอย: กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไม่เกิน ๓๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร ข้อ ๕: การกำหนดอัตราที่แตกต่างกัน กฎกระทรวงนี้ให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการพิจารณากำหนดอัตราค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ แต่ต้องไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้
|
|
๑๐
|
๑. ลักษณะทางกายภาพของบริเวณที่พัก • ผนังและพื้น: ต้องมีผนังและพื้นทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี และสามารถทำความสะอาดได้ง่าย • หลังคาและช่องระบายอากาศ: ต้องมีหลังคาเพื่อป้องกันฝนและแสงแดด และมีช่องระบายอากาศที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสะสมของกลิ่นไม่พึงประสงค์ • สิ่งป้องกันสัตว์รบกวน: มีการป้องกันหนู แมลงวัน และสัตว์อื่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ๒. การจัดการภายในบริเวณที่พัก • ขนาด: มีขนาดที่เหมาะสมกับปริมาณมูลฝอยติดเชื้อที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ไม่แออัดจนเกินไป • ความสะอาด: ต้องสะอาดและแห้งอยู่เสมอ และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายเมื่อมีการหกหรือรั่วไหล • อุปกรณ์ทำความสะอาด: มีอุปกรณ์ทำความสะอาดที่จำเป็นและสารเคมีฆ่าเชื้อที่เหมาะสมภายในบริเวณที่พัก ๓. ที่ตั้งและการเข้าถึง • ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ในบริเวณที่ไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงหรือสัตว์นำโรค และไม่ส่งกลิ่นรบกวนหรือเดือดร้อนแก่ประชาชนโดยรอบ • การเข้าถึง: สามารถขนย้ายภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อได้สะดวก และจำกัดการเข้าถึงเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก ๔. เครื่องหมายและสัญลักษณ์ • สัญลักษณ์: ต้องมีเครื่องหมายแสดงว่าเป็น "มูลฝอยติดเชื้อ" ที่เห็นได้ชัดเจน และมีข้อความระบุถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น • ข้อมูล: มีข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อหน่วยงาน, หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ, และคำแนะนำเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ๕. ความปลอดภัยเพิ่มเติม • การป้องกันไฟไหม้: มีถังดับเพลิงและมาตรการป้องกันไฟไหม้ที่เหมาะสม • ป้ายห้าม: มีป้ายห้ามสูบบุหรี่และป้ายเตือนอันตรายอื่นๆ เพื่อความปลอดภัย
|
|
๑๑
|
๑. การจัดการมูลฝอยในอาคารและสถานที่ ข้อ ๕: เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารต้องจัดเตรียมภาชนะรองรับมูลฝอยที่มีขนาดเหมาะสม และสามารถป้องกันมูลฝอยรั่วไหลหรือฟุ้งกระจายได้ ข้อ ๖: การตั้งวางภาชนะรองรับมูลฝอยต้องอยู่ในบริเวณที่สามารถนำมูลฝอยออกได้ง่ายและเป็นระเบียบเรียบร้อย ๒. การเก็บ ขน และรวมรวมมูลฝอย ข้อ ๙: ยานพาหนะที่ใช้ในการเก็บและขนมูลฝอยต้องเป็นประเภทที่ มิดชิด และมีลักษณะที่สามารถป้องกันกลิ่นมูลฝอยได้ ข้อ ๑๐: ผู้เก็บและขนมูลฝอยต้องมีเครื่องแต่งกายที่สะอาดและเหมาะสม พร้อมทั้งอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่จำเป็น ข้อ ๑๑: การรวมรวมมูลฝอยต้องทำในสถานที่ที่ถูกสุขลักษณะ มีการป้องกันมูลฝอยฟุ้งกระจายและมีการระบายน้ำที่ดี ๓. สถานที่กำจัดมูลฝอย ข้อ ๑๒: สถานที่กำจัดมูลฝอยต้องตั้งอยู่ในบริเวณที่เหมาะสมและต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ข้อ ๑๓: สถานที่กำจัดมูลฝอยต้องมีป้ายเตือนและป้ายแสดงข้อมูลที่จำเป็นต่างๆ ข้อ ๑๔: กำหนดให้สถานที่กำจัดมูลฝอยต้องมีการดำเนินการที่ถูกสุขลักษณะ เช่น มีการบดอัดมูลฝอย มีการฝังกลบตามหลักวิชาการ และมีการบำบัดน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการ
|
พลังงาน
ลำดับ
|
ชื่อกฏหมาย
|
สาระสำคัญของกฎหมาย
|
---|---|---|
๑๒
|
หมวดที่ ๒ การอนุรักษ์พลังงานในอาคาร มาตรา ๑๗ การอนุรักษ์พลังงานในอาคาร ได้แก่ การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้(๑)การลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่เข้ามาในอาคาร (๒)การปรับอากาศอย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งการรักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (๓)การใช้วัสดุก่อสร้างอาคารที่จะช่วยอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนการแสดงคุณภาพของวัสดุก่อสร้างนั้นๆ (๔)การใช้แสงสว่างในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ (๕)การใช้และการติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุที่ก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร (๖)การใช้ระบบควบคุมการท างานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ (๗)การอนุรักษ์พลังงานโดยวิธีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
|
|
๑๓
|
หมวดที่ ๓ การอนุรักษ์พลังงานในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ และส่งเสริมการใช้วัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา ๒๓ เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ รวมทั้งให้มีการส่งเสริมการใช้วัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการ อนุรักษ์พลังงานให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีอำนาจออกกฎกระทรวงในเรื่องดังต่อไปนี้ (๑) กำหนดมาตรฐานด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ (๒) กำหนดเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามประเภท ขนาด ปริมาณการใช้พลังงาน อัตราการเปลี่ยนแปลงพลังงานและประสิทธิภาพ การใช้พลังงานอย่างใด เป็นเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง (๓) กำหนดวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานตามประเภท คุณภาพและมาตรฐานอย่างใด เป็นวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการ อนุรักษ์พลังงาน (๔) กำหนดให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ ต้องแสดงค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
|
|
๑๔
|
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ของวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักร ที่มีผลต่อการประหยักพลังงานจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนด รายละเอียดแนบท้าย ได้แก่ (๑) เครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก (๒) เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ (ก) เครื่องทำน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศ (ข) ส่วนประกอบอื่นของระบบปรับอากาศที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
|
|
๑๕
|
มาตรวัดและระบบควบคุม • มาตรวัดกระแสไฟฟ้า (Electric Meter) คุณสมบัติ: เป็นมิเตอร์วัดพลังงานไฟฟ้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ หลักเกณฑ์: ต้องมีค่าความคลาดเคลื่อนในการวัดพลังงานไฟฟ้า (kWh) ไม่เกิน ๑% และต้องสามารถบันทึกค่าการใช้พลังงานย้อนหลังได้ • อินเวอร์เตอร์สำหรับมอเตอร์ (Inverter for Motor) คุณสมบัติ: เป็นอุปกรณ์ควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์ไฟฟ้า หลักเกณฑ์: ต้องมีค่าประสิทธิภาพเมื่อทำงานที่พิกัดเต็มที่ ไม่ต่ำกว่า ๙๕% และสามารถปรับความเร็วรอบของมอเตอร์ได้
|
|
๑๖
|
ระบบปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น • เครื่องทำน้ำเย็นสำหรับเครื่องปรับอากาศ (Chiller) คุณสมบัติ: เครื่องทำน้ำเย็นชนิดระบายความร้อนด้วยน้ำ (Water Cooled) หรือระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooled) หลักเกณฑ์: ต้องมีค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (COP) ตามเกณฑ์ที่ระบุในประกาศ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชนิดและความสามารถในการทำความเย็น
|
|
๑๗
|
ระบบแสงสว่าง • หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ประสิทธิภาพสูง คุณสมบัติ: หลอดผอมชนิด T๕ หรือ T๘ หลักเกณฑ์: ต้องมีค่าประสิทธิภาพการส่องสว่าง (Luminous Efficacy) ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศ • บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Ballast) คุณสมบัติ: อุปกรณ์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ หลักเกณฑ์: ต้องมีค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานตามมาตรฐานที่กำหนด
|
|
๑๘
|
มอเตอร์ไฟฟ้า • มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง คุณสมบัติ: มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ ๓ เฟส หลักเกณฑ์: ต้องมีค่าประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดในระดับ IE๓ (Premium Efficiency) ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล IEC ๖๐๐๓๔-๓๐-๑
|