วัยหมดระดู หรือวัยทอง คือ ภาวะสั้นสุดของการมีระดูอย่างถาวร เนื่องจากรังไข่หยุดทำงานจะหมดความสามารถในการเจริญพันธุ์ และการสร้างฮอร์โมนเพศลดลง อายุเฉลี่ยของสตรีที่เข้าสู่วัยหมดระดูจะอยู่ระหว่างช่วงอายุ 50-52 ปี
ระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่วัยหมดระดู แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ
1. วัยใกล้หมดระดู ( Perimenopause ) เป็นระยะเวลาที่รังไข่เริ่มทำงานไม่ปกติจนหยุดทำหน้าที่ไปจะมีระยะเวลา 2- 8 ปี
2. วัยหมดระดู ( Menopause ) หมายถึง ช่วงเวลาของการสั้นสุดการมีระดูอย่างถาวร เนื่องจากรังไข่หยุดทำงานระยะเวลา 1 ปี
3 วัยหลังหมดระดู ( Postmenopause ) หมายถึง ระยะเวลาหลังหมดระดู
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา และพยาธิสรีรวิทยาในวัยหมดระดู
1. การเปลี่ยนแปลงของระบบ Vasomotor
เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกท่วมตัว เป็นความรู้สึกร้อนทางผิวหนัง
2. การเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสืบพันธุ์ และทางเดินปัสสาวะ
- ผลต่ออวัยวะสืบพันธุ์ ปากช่องคลอดมีการฝ่อลีบบางลง ช่องคลอดแห้งไม่สามารถสร้างสารคัดหลั่งเพียงพอ ผนังจะบางลง, ซีด บดลูกมีการฝ่อลีบลงและหย่อนตัวของมดลูก
- ผลต่อทางเดินปัสสาวะ การกล้นและการขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ, มีโอกาสตัดเชื้อ ได้ง่ายขึ้น
3. การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณ์
- พบอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ
4. การเปลี่ยนแปลงและปัญหาทางเพศ
- มีการลดลงต่อการกระตุ้นทางเพศ, หมดความต้องการทางเพศ, การตอบสนองทางเพศลดลง
5. การเปลี่ยนแปลงของกระดูก
- มวลกระดูกจะสูงสุด เมื่ออายุ 30 – 34 ปี หลังจากหมดระดูตามธรรมชาติจะสูญเสียมวลกระดูกร้อยละ 1 – 2 ต่อปี หรือในบางรายอาจมากถึงร้อยละ 3 ต่อปี
6. การเปลี่ยนแปลงของหัวใจและหลอดเลือด แนวโน้มจะเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดเพิ่มขึ้นจาก
- การเปลี่ยนแปลงของโคเลสเตอรอล
- การเปลี่ยนแปลงในกลไกการแข็งตัวของเลือด
- การเปลี่ยนแปลงของเมตาบอลิสของ glucose ทำให้เป็นเบาหวานมากขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงระบบอื่น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
7. การเปลี่ยนแปลงระบบประสาทส่วนกลาง
- หลงลืมง่ายสูญเสียความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
8. การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง
- คอลลาเจนของผิวหนังจะลดลง
9. การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อและข้อ
- มวลกล้ามเนื้อลดลง มีโอกาสเกิดข้อเสื่อมได้มาก
แนวทางการดูแลรักษาอาการและปัญหาในวัยหมดระดู
1. ไม่ได้รักษาด้วยยา
- ออกกำลังกาย
- การทำสมาธิ
2. การรักษาด้วยยา
- กลุ่มที่ใช้ฮอร์โมนทดแทน
- กลุ่มที่ไม่ใช้ฮอร์โมนทดแทน
การใช้ฮอร์โมนทดแทน
ต้องพิจารณาจากข้อบงชี้ คือ
1. การรักษาอาการในวัยหมดระดู โดยเฉพาะกลุ่มอาการ Vasomo tor และอาการทางอวัยวะสืบพันธุ์
2. การป้องกันกระดูกกร่อนลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกพรุนและควรใช้ฮอร์โมนขนาดที่ยังคงประสิทธิภาพ และใช้ในระยะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันพบว่า หลังจากใช้ฮอร์โมนบางอย่างนานเกิน 5 ปี พบความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น, โรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น เส้นเลือดในสมองอุดตันเพิ่มขึ้น, เพิ่มความเสี่ยงต่อหลอดเลือดอุดตันที่ปอด