โรคปีกมดลูกอักเสบหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ
ปีกมดลูกอักเสบหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ (Salpingitis) หมายถึง การอักเสบของท่อรังไข่ โรคนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) เกิดจากการติดเชื้อแบคที่เรียที่ผ่านช่องคลอดเข้าไปทางปากมดลูก เข้าไปในโพรงมดลูกทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกอักสบและลุกลามต่อไปในท่อรังไข่ กลายเป็นปีกมดลูกอักสน เกิดการอักเสบติดเชื้อในเยื่อบุช่องท้องและเชิงกรานตามมา จึงมักจะเรียกรวมๆ กันว่าอุ้งเชิงกรานอักเสบ Pelvic Inflammatory Disease / PID ซึ่งครอบคลุมถึงการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ และเยื่อบุช่องท้องภายในอุ้งเชิงกราน ถ้าอาการเป็นมากและไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดถุงหนองที่ปีกมดลูกซึ่งเป็นสาเหตุของการปวดท้องน้อยเรื้อรังและมีบุตรยากตามมา
ผู้ที่มีความเสี่ยงชองโรค
- อายุต่ำกว่า 25 ปี เนื่องจากปากมดลูกยังไวต่อการติดเชื้อ - มีคู่ครองหลายคน หรือ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีคู่ครองหลายคน - จากการใส่ห่วงฉุกเฉิน - การสวนล้างช่องคลอด
อาการของผู้ป่วยมีอะไรบ้าง
- ปวดท้องน้อย - ปัสสาวะแสบขัด - คลื่นไส้อาเจียน - เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด - ตกขาวมากขึ้น - ปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ - ไข้สูงหนาวสั้น
การวินิจฉัย
- การวินิจฉัยทำได้ยากเนื่องจากบางคนไม่มีอาการแสดงหรือมีแต่น้อย นอกจากนั้นการตรวจร่างการอาจจะไม่พบความผิดปกติ - ยังไม่มีการตรวจพิเศษที่ชี้เฉพาะว่าเป็นโรคนี้ - การตรวจอาศัยประวัติและการตรวจร่างกายเท่านั้น - การตรวจที่สำคัญคือการตรวจภายในพบว่าเมื่อโยกปากมดลูกจะทำให้เกิดอาการปวด หรือเมื่อแตะบริเวณชิงกรานจะทำให้ปวด - อาจจะนำสารคัดหลั่งไปตรวจหาเชื้อหนองใน หรือหนองในเทียม - เจาะเลือดตรวจเพื่อแสดงว่าเป็นโรคติดเชื้อ - ตรวจอัลตราซาวด์ท้องน้อยเพื่อตรวจว่าท่อรังไข่บวมหรือไม่ มีหนองที่ท้องน้อยหรือไม่ - การส่องกล้องทางหน้าท้อง (Laparoscopy) เพื่อให้เห็นบริเวณทีติดเชื้อ
การรักษา
- เนื่องจากการตรวจหาชื้อที่เป็นสาเหตุเป็นไปได้ยาก จึงต้องให้ยาปฏิชีวนะครอบคลุมเชื้อที่เป็นสาเหตุอย่างน้อยสองชนิด - แม้ว่าอาการจะดีขึ้นหลังจากได้ยา ต้องรับประทานยาให้ครบ - สำหรับคู่ครองต้องได้รับการรักษาร่วมด้วยแม้จะไม่มีอาการในคู่ครอง เนื่องจากมักพบว่า มีพาหะของเชื้อก่อโรค
โรคแทรกซ้อน
ผู้ที่ได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการและเหมาะสม จะลดโรคแทรกซ้อนของโรคลงได้ภาวะแทรกซ้อนของโรคมักเกิดจากเกิดเป็นซ้ำของโรคบ่อยครั้ง ทำให้เยื่อบุในท่อนำไข่เสียหาย ท่อนำไข่บวม เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังและมีบุตรยากตามมา
การป้องกันโรคนี้ต้องทำอย่างไร
- รับการรักษาและตรวจ ติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่งทั้งผู้ป่วยและคู่ครอง - สวมถุงยางอนามัย - หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่มีคามเสี่ยง - งดสวนล้างช่องคลอด - ในผู้ป่วยที่ใช้ห่วงคุมกำเนิด ถ้ามีอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบต้องถอดห่วงออก - สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดแสบเมื่อถ่ายปัสสาวะ มีแผล ตกขาว ปวดท้องน้อยควรไปพบแพทย์ตรวจ