การตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง

การตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง

  • การดูแลรักษาตนเองเป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมโรคเบาหวาน เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ในอนาคต

ประโยชน์

  • การตรวจเลือดเพื่อหาระดับน้ำตาล เป็นการประเมินผลการดูแลรักษาเบาหวาน ทำให้เรารู้ว่าสามารถควบคุมโรคเบาหวานได้ดีเพียงใด ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยไม่ยุ่งยากและสามารถปรับยาอินซูลินเบื้องต้นได้เองตามคำแนะนำของแพทย์

การตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง เพื่อติดตามผลการรักษาเบาหวาน

ตรวจบ่อยแค่ไหน ?

ผู้กินยารักษาเบาหวาน

  • ควรตรวจอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เวลาอาหารเช้าหรือก่อนอาหารเย็น
  • เมื่อมีอาการไม่สบาย เช่น เป็นไข้ ควรตรวจวันละ 4 ครั้งก่อนอาหาร 3 มื้อ และก่อนนอน
  • เมื่อมีอาการสงสัยว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำผิดปกติ ควรตรวจดูทันที

ผู้ที่ฉีดอินซูลิน

  • ควรตรวจวันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร 3 มื้อ (อาจสลับตรวจหลังอาหาร เช้าหรือเย็นบ้าง) และก่อนนอน ถ้าไม่ได้ทำการตรวจ ดังนี้
  • ถ้าฉีดอินซูลินชนิดออกฤทธิ์ปานกลาง (Intermediate acting) (น้ำขุ่น) วันละ 1-2 ครั้ง ควรตรวจเลือด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและอาหารเย็น
  • ถ้าฉีดอินซูลินชนิดออกฤทธิ์สั้น (Short acting) หรือออกฤทธิ์เร็ว (Rapid acting) ควรตรวจเลือดก่อนอาหารมื้อถัดไปด้วย

การเจาะเลือดตรวจน้ำตาลจากปลายนิ้ว

            ให้ตรวจดูวันหมดอายุของแผ่นตรวจและรหัส (Code) ของแผ่นตรวจให้ตรงกับรหัสของเครื่องก่อนทุกครั้งและลงมือเจาะเลือดตรวจน้ำตาล ดังนี้

  • ล้างมือให้สะอาดเช็ดให้แห้ง
  • ทำฝ่ามือให้อุ่น
  • ทำความสะอาดปลายนิ้วด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ ปล่อยให้แห้ง
  • ไล่เลือดจากโคนไปที่ปลายนิ้ว
  • เจาะด้านข้างของปลายนิ้ว
  • หยดเลือดลงให้เต็มแผ่นตรวจ
  • ตรวจตามขั้นตอนการตรวจของเครื่องแต่ละชนิด หรือแต่ละวิธี

การแปลผล

            การแปลผลน้ำตาลในเลือดจากปลายนิ้ว ทำให้เรารู้ว่าตนเองสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับใด

น้ำตาลในเลือด (มก./ดล.)เป้าหมาย
ก่อนอาหาร80-130
หลังอาหาร< 180

สัญลักษณ์ : < หมายถึง น้อยกว่า, > หมายถึง มากกว่า

***ควรบันทึกผลการตรวจลงสมุดแล้วนำไปให้แพทย์ พยาบาล และผู้เชี่ยวชาญเบาหวานประเมินผลการควบคุมเบาหวานทุกครั้ง เมื่อไปตรวจตามนัดเพื่อปรับปรุงแผนการดูแลรักษาให้ต่อเนื่อง