ปวดท้องน้อย

ปวดท้องน้อยในสตรี อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

               อาการปวดท้องน้อย เป็นอาการที่มักพบได้ในผู้หญิง ซึ่งเป็นอาการที่น่ารำคาญรบกวนจิตใจและประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งในทางการแพทย์ เราสามารถแยกอาการปวดท้องน้อยเป็นสองระยะ คือ

  1. อาการปวดท้องน้อยเฉียบพลัน
  2. อาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง

ซึ่งสาเหตุและอาการของทั้ง 2 อย่างพบต่างกัน ดังนี้

อาการปวดท้องน้อยเฉียบพลัน

คือ อาการปวดท้องน้อย ที่เกิดขึ้นฉับพลัน สาเหตุที่มักพบ ดังนี้

สาเหตุที่เกี่ยวกับโรคทางสตรี

  • ถุงน้ำรังไข่บิดขั้ว แตกหรือมีเลือดออก
  • ตั้งครรภ์นอกมดลูก
  • ปีกมดลูกหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ
  • เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกขาดเลือด
  • แท้งบุตร

สาเหตุอื่นๆ

  • ไส้ติ่งอักเสบ
  • นิ่วในท่อไต
  • กล้ามเนื้ออักเสบ
  • หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

อาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง

คือ อาการปวดท้องน้อยที่เกิดขึ้นมานานกว่า 6 เดือน สาเหตุที่มักพบมีดังนี้

สาเหตุที่เกี่ยวกับโรคทางสตรี

  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่,เอ็นโดรเมดทริโอลิส,ช็อกโกแลตชีส
  • ปีดมดลูกหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง
  • พังผืดในอุ้งเชิงกราน
  • หลอดเลือดขอดในอุ้งเชิงกราน
  • เนื้องอกในโพรงมดลูก

สาเหตุอื่นๆ

  • โรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังและเส้นประสาท
  • โรคที่เกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ
  • โรคที่เกี่ยวกับลำไส้และการขับถ่าย

การวินิจฉัยอาการปวดท้องน้อยในสตรี

               แพทย์จะทำการซักประวัติตรวจร่างกายอย่าละเอียด อาจต้องทำการตรวจอัลตราซาวด์หรือการตรวจทางเอ็กซเรย์เพิ่มเติม และในปัจจุบันมีการนำเอาการผ่าตัดผ่านกล้องทางช่องท้องเข้ามา ช่วยในการตรวจวินิจฉัย และรักษาอาการปวดท้องน้อยในสตรีไม่ว่าจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือเรื้อรังด้วยการเจาะช่องขนาดเล็ก 0.5-1 เซนติเมตร เข้าไปในช่องท้อง เพื่อตรวจความผิดปกติในช่องท้องและอุ้งเชิงกราน เมื่อตรวจพบความผิดปกติ ก็สามารถผ่าตัดรักษาต่อได้ในทันที ซึ่งช่วยให้การรักษาเป็นได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วการผ่าตัดด้วยกล้องจะทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก อาการเจ็บแผลน้อย ระยะฟักตัวสั้น และสามารถกลับไปทำงานได้เร็ว